จากที่มาของความแข็งแรงและความสารพัดประโยชน์ในการใช้งานของ ตะแกรงเหล็กฉีกแล้ว ก็สามารถทำให้เรานึกเอาต้นกำเนิดความแข็งแรงและความสารพัดประโยชน์ของตะแกรง เหล็กฉีก มาลองเปรียบเทียบใช้กับงานด้านการบริหารได้เช่นกัน โดยมีรายละเอียดที่อธิบายได้ดังนี้
1.ตะแกรงเหล็กฉีก
เกิดจากการเจาะและฉีกถ่างของเหล็กเป็นระยะเท่าๆกันอย่างเป็นระเบียบ
ผลลัพธ์ที่ได้คือตะแกรงเหล็กฉีกใช้เนื้อเหล็กที่น้อยกว่าเหล็กแผ่น
แต่มีความแข็งแรงมากกว่า เกิดความฝืดขึ้นในแผ่นและใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเหล็กทั้งแผ่นเสียอีก
จากข้อเท็จจริงอันนี้ เมื่อเรานำกลับมาคิดในแง่ของงานบริหาร
การที่เราใช้ทรัพยากรมากๆแต่เอามากองๆรวมไว้อย่างเดียว ไม่มีการจัดระเบียบทรัพยากรนั้น
แน่นอนว่าเราจะไม่สามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด(มีบริษํท
หลายบริษัทที่พบว่าพนักงานมีจำนวนมากกว่าบริษัทคู่แข่ง
แต่ทำไมผลงานกลับด้อยกว่าคู่แข่ง
ก็เนื่องจากเกิดการทำงานซ้ำซ้อนและวิธีทำงานที่ไม่สอดคล้องกันนั่นเอง) การ
ไม่สามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพราะไม่มีการจัดระเบียบนี้ก็
เช่นเดียวกันเหล็กแผ่นที่มีเนื้อเหล็กมาก น้ำหนักมาก
แต่กลับไม่สามารถใช้งานได้อย่างสารพัดประโยชน์อย่างตะแกรงเหล็กฉีก
ซึ่งในการกลับกันหากเรารู้จักบริหารจัดการทรัพยากรอย่างถูกต้อง
เราจะสามารถใช้ทรัพยากรที่น้อยลงแต่เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น(แต่ทั้งนี้ก็อาจมีต้นทุนในการบริหารอยู่บ้าง)
การจัดการทรัพยากรให้อยู่ถูกที่และเป็นระบบก็เหมือนกับการถ่างเหล็กออกเป็น
ตาของตะแกรงเหล็กฉีกนั่นเองที่สามารถทำให้ใช้ทรัพยากรน้อยลงแต่เกิดความแข็ง
แรงและใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น
2.ตะแกรงเหล็กฉีก ไม่มีการสูญเสียเศษ นี่เป็นโจทย์ด้านการบริหารอีก 1
ข้อที่นักบริหารในทุกๆวงการพยายามทำมาตลอด
ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างอันนี้ได้ดีจากตะแกรงเหล็กฉีก
ที่เนื้อเหล็กทุกชิ้นจะถูกถ่างออกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้น
แต่จะไม่มีการหลุดออกไปเป็นเศษเหล็กเลยแม้แต่น้อย
เปรียบเทียบได้กับการบริหารที่ดีนอกจากจะใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แล้ว ยังต้องไม่เกิดการสูญเสียทรัพยากรหรือทำให้ทรัพยากรด้อยค่าลงอีกด้วย
บทความโดย ชัยวัฒน์ กุลวงศ์วรพัฒน์
หรือโทรสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น